WITCHES AND WIZARD SCHOOL
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

WITCHES AND WIZARD SCHOOL


 
บ้านLatest imagesค้นหาสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Magic เวทมนต์

Go down 
+5
yoyo
ANoii
แม่มดน่ารัก ^ - ^
beau
bungkee
9 posters
ผู้ตั้งข้อความ
bungkee
ผู้วิเศษเตร็ดเตร่
ผู้วิเศษเตร็ดเตร่
bungkee


โพสต์ : 17
แกลเลียน : 29
วันเกิด : 22/09/1995
สมัครสมาชิก : 23/09/2009
อายุ : 28
ที่อยู่ : ห้องสมุด
อาชีพ : บรรณารักษ์

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeSun Sep 27, 2009 4:34 pm

เวทมนต์ เป็นศิลปะที่พยายามจะควบคุมเหตุการณ์ต่างๆโดยสร้างคาถาอาคม การกระทำดังกล่าวนี้อาจดูเป็นเรื่องไร้สาระ หรือเชื่อถือไม่ได้ในความคิดของชาวตะวันตก เรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนต์คาถาเป็นเรื่องที่มีรากฐานมาจากกลุ่มนักบวชชาว เปอร์เซีย ในภาษากรีกคำว่า magic มาจากคำว่า magi หมายถึงความแปลกพิศดาร และการอวดอ้าง ในสมัยเรเนซองส์ของอิตาลี ราวศตวรรษที่ 15 ผู้คนเริ่มสนใจศิลปะการทำเวทมนต์ ในตำราโบราณที่มาร์ซิลิโอ ฟิซิโน(Marsilio Ficino) แปลมาจากภาษากรีกชื่อว่า Corpus Hermeticum (เขียนโดยเฮอร์เมส ไทรเมสติกัส Hermes Trimestigus) เป็นตำราที่อธิบายถึงการใช้เวทมนต์คาถาของชาวตะวันออกกลางในช่วง 500 ปีก่อนคริสตกาล เรื่องราวที่สำคัญมากในตำราเล่มนี้คือ สุภาษิตที่ว่า “As Above, So Below” (หรือยิ่งสูงก็ยิ่งต่ำ) สุภาษิตนี้ชี้ให้เห็นว่า โลกวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกับโลกทางวัตถุ

ฟิซิโน และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องเวทมนต์คาถาคนอื่นๆ พยายามอธิบายถึงสิ่งเหล่านี้โดยหลีกเลี่ยงที่จะไม่ท้าทายศริสต์ศาสนา และป้องกันตัวเองจากการถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกนอกศาสนา หรือพวกที่เป็นตัวแทนของปีศาจร้าย การกระทำของฟิซิโนได้รับความสนใจจากนักเทววิทยาที่ชื่อโทมัส อาคีนาส(Thomas Aquinas) เนื่องจากฟิซิโนยอมรับอำนาจของศาสนา แต่ในกรณีของพิโค เดลล่า มิรันโดล่า (Pico della Mirandola) เขาพยายามสร้างเวทมนต์คาถาให้กับตัวเองตามคติของชาวยิว ซึ่งทำให้เขาถูกประณามจากพระสันตะปาปา และศาสนจักร เขาถูกกล่าวหาว่าเป็นปีศาจชั่วร้าย

หลังจาก นั้นในสมัยสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ บอร์เกีย(Alexander Borgia) ได้นำตำราของพิโคมาตีความใหม่ และอธิบายว่าคาถาและเวทมนต์ของชาวยิวมีคุณค่าต่อการปฏิบัติทางศาสนาของชาว คริสต์ อย่างไรก็ตามความคิดของศาสนาคริสต์ที่เชื่อว่าเวทมนต์เป็นสื่อของอันตรายได้ ปรากฏเด่นชัดกับนักบวชที่ชื่อจิออร์ดาโน บรูโน (Giordano Bruno) ผู้ซึ่งเลื่อมใสศรัทธาตำราของเฮอร์เมส แต่เขาถูกเผาในปี ค.ศ.1600 หลังจากการตายของจิออร์ดาโน ผู้ที่นิยมเวทมนต์คาถาก็เริ่มแพร่หลายและได้รับการยอมรับมากขึ้นเนื่องจากมี อาชีพการงานที่ทำประโยชน์ให้สังคม นักเวทมนต์ที่มีชื่อได้แก่ พาราเซลซัส(Paracelsus) เขาคือผู้ที่มีความรู้ทางการแพทย์ จอห์น ดี(John Dee) ผู้ที่สร้างทฤษฎีทางภูมิศาสตร์ให้กับอังกฤษในสมัยราชินีอลิซาเบ็ธ

ในศตวรรษ ที่ 18 คือช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของวิทยาศาสตร์ และระบบเหตุผล นักวิทยาศาสตร์ต่างเชื่อว่าโลกประกอบขึ้นด้วยวัตุสสารที่สามารถพิสูจน์ได้ และกล่าวโจมตีเรื่องราวของเวทมนต์คาถาว่าเป็นเรื่องที่น่าหัวเราะเยาะ เรื่องเวทมนต์จึงถูกทำให้กลายเป็นเรื่องลับๆ (เรื่องใต้ดิน) และพัฒนาต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งยุโรปกำลังนิยมความคิดแบบโรแมนติก และวิทยาศาสตร์กำลังสนใจเรื่องทางวัตถุ ตัวอย่างในประเทศฝรั่งเศสและอังกฤษ กลุ่มศิลปิน นักเขียน และสมาคมลับที่ชื่อรุ่งอรุณสีทอง (Order of Golden Dawn) รวมตัวกันเพื่อที่จะปกปิดการฟื้นคืนชีพของอำนาจเวทมนต์ การศึกษาเรื่องราวทางเวทมนต์ในช่วงเวลานี้ได้แก่การศึกษาของนักมานุษยวิทยา ชาวอังกฤษชื่อเอ็ดเวิร์ด ไทเลอร์(Edward Tylor) เขาเขียนหนังสือเรื่อง Primitive Culture(1871) โดยอธิบายว่าเวทมนต์คือความเข้าใจผิดที่มีโทษอย่างรุนแรง แต่ทำไมชาวพื้นเมืองจึงมีความเชื่อเรื่องเวทมนต์อย่างแพร่หลาย

ไทเลอร์ อธิบายว่า สาเหตุที่มนุษย์มีความเชื่อเรื่องเวทมนต์เนื่องจาก สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิต การสร้างกฎข้อบังคับ อำนาจการปกครอง และการทหาร แนวความคิดของไทเลอร์ถูกพัฒนาต่อมาโดยเจมส์ เฟรเซอร์ ( James Frazer) ซึ่งเขียนหนังสือเรื่อง The Golden Bough(1890) เฟรเซอร์เชื่อว่าเวทมนต์เป็นวิทยาศาสตร์ประเภทหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในระดับวิวัฒนาการระยะแรกๆของมนุษย์ ซึ่งจะพัฒนาไปสู่ระบบศาสนาที่ยึดถืออำนาจของสิ่งเหนือธรรมชาติ และเทพเจ้า และขั้นสุดท้ายก็คือวิทยาศาสตร์ซึ่งจะพิสูจน์ความจริงต่างๆในทางโลก เฟรเซอร์เชื่อว่าเวทมนต์มีระบบเหตุผล 2 แบบประกอบกัน แบบที่หนึ่งคือการรักษาเยียวยา หรือ Homeopathic magic เช่นชาวนาบอลค่านเชื่อว่าการกินทองคำจะทำให้ลดความอิจฉาริษยาลงไปได้ แบบที่สองคือการทำให้ผู้อื่นได้รับผลจากการกระทำ หรือ contagious magic เช่น การนำเส้นผม หรือเล็บของคนๆหนึ่งมาลงคาถาเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมของคนๆนั้น

การศึกษา ของเดอร์ไคม์ ชี้ให้เห็นว่าเวทมนต์มีความลับ และเป็นเรื่องส่วนตัว แตกต่างจากเรื่องทางศาสนาที่เปิดเผย ในหนังสือเรื่อง A General Theory of Magic (1902)ของมาร์เซล มอสส์(Marcel Mauss) กล่าวว่า ในอดีตการเล่นทางเวทมนต์มักจะถูกประณามว่าเป็นการกระทำของปีศาจ มอสส์ได้นำความคิดของไทเลอร์และเฟรเซอร์มาพัฒนาต่อ โดยทำให้เรื่องเวทมนต์เป็นทฤษฎีมากขึ้น เขาตั้งข้อสังเกตว่าเวทมนต์มักจะเนเรื่องทางวัตถุที่ถูกทำให้เป็นสื่อสำหรับ เวทมนต์คาถา เป็นการแสดงความเอ็นดูรักใคร่ และความจงเกลียดจงชังของคนในสังคม

ในสหรัฐ อเมริกา โรเบิร์ต โลวี่(Robert Lowie) แสดงความคิดที่โต้แย้งกับเฟรเซอร์ และเทเลอร์ ซึ่งใช้แนวคิดเรื่องวิวัฒนาการ และการแบ่งแยกว่าอะไรคือธรรมชาติ กับเหนือธรรมชาติ แต่โครเบอร์(Kroeber) พยายามยืนยันแนวคิดวิวัฒนาการว่าเวทมนต์เป็นเรื่องของสังคมที่ล้าหลัง ในขณะที่สังคมที่เจริญแล้ว การเชื่อเวทมนต์มักจะพบได้ในกลุ่มของผู้คนที่มีปัญหาทางจิต ผิดปกติ หรือ มีปัญหาทางสังคม ความคิดความเข้าใจเกี่ยวกับเวทมนต์ถูกอธิบายโดยทฤษฎีจิตวิทยาของฟรอยด์ ในหนังสือเรื่อง Totem and Taboo(1918) ได้อธิบายว่าความคิดของชาวพื้นเมืองต่อเรื่องเวทมนต์เป็นความคิดทางจิต และเป็นความเข้าใจผิดในวัยเยาว์ที่ทำให้สร้างภาพหลอนขึ้นมา

ความคิดของ ตะวันตกต่อคนพื้นเมืองเป็นเรื่องอคติทางเชื้อชาติ ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์มากในหมู่นักมานุษยวิทยารุ่นหลัง การศึกษาภาคสนามในพื้นที่หลายแห่งของนักมานุษยวิทยาพบว่า ความเชื่อและการปฏิบัติทางเวทมนต์คาถาในสังคมชนเผ่าเป็นเรื่องปกติ การศึกษาชนเผ่าเมลานีเซียนของมาลีนอฟสกี้ในหมู่เกาะทรอเบรียนด์ พบว่าชาวบ้านมีการใช้เวทมนต์ในการเพาะปลูก และการเดินทางในทะเลเพื่อนำของกำนัลไปแลกกับเพื่อนบ้าน มาลีนอฟสกี้สังเกตว่าการใช้เวทมนต์นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อมนุษย์ต้องทำภาระกิจ ที่คาดเดาไม่ได้ว่าจะเป็นอย่างไร เช่นการออกไปหาปลาในทะเลที่มีคลื่นแรงจัด ชาวบ้านจะใช้เวทมนต์เพื่อช่วยคุ้มครอง การใช้เวทมนต์จึงมี 3 ลักษณะคือ 1) การท่องคาถา 2) การทำพิธีกรรมเชิงสัญลักษณ์ และ 3) การทำพิธีส่วนบุคคล พิธีการร่ายเวทมนต์มักจะเป็นเรื่องทางสังคม และการรวมกลุ่ม เช่นการสร้างเรือที่ต้องอาศัยแรงงานจำนวนมาก

อีแวนส์ พริทชาร์ด(Evans-Pritchard) ลูกศิษย์ของมาลีนอฟสกี้ เขียนหนังสือเรื่อง Witchcraft ,Oracles and Magic among the Azande(1937) อธิบายให้เห็นความเชื่อและการปฏิบัติเกี่ยวกับเวทมนต์ และการพยากรณ์ของเทพเจ้าในสังคมแอฟริกา ความเชื่อดังกล่าวมีผลต่อการจัดระเบียบทางสังคมของชาว Azande โดยเฉพาะเรื่องการเจ็บป่วยและความตาย พริทชาร์ดชี้ให้เห็นว่าความคิดเรื่องเวทมนต์ของชาว Azande นั้นมีระเบียบแบบแผนที่ชัดเจน การศึกษาดังกล่าวนี้ทำให้คนพื้นเมืองไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกงมงาย ไร้เหตุผล หากแต่มีความคิดในเชิงสัญลักษณ์ กำกับในการกระทำต่างๆ

จอห์น บีทตี้(John Beattie) อธิบายว่าเวทมนต์คือการจินตนาการในเชิงสัญลักษณ์ การอธิบายในทำนองนี้เป็นกรอบความคิดในยุคของเหตุผล ซึ่งถูกตั้งคำถามในระยะเวลาต่อมา โดยเฉพาะจากกลุ่มโพสต์โมเดิร์นในช่วงทศวรรษที่ 70-80 การศึกษาของ คาร์ลอส คาสตาเนด้า (Carlos Castaneda )ในชนเผ่า Yaqui บริเวณที่ราบสูงเม็กซิโก พบว่า ความจริงเป็นสิ่งที่ถูกไว้ต่างหาก เขากล่าวว่านักมานุษยวิทยามักจะอธิบายว่าเวทมนต์เป็นเรื่องของวัตถุที่มีตัว ตนจริง เช่นการศึกษาของไมเคิล ฮาร์เนอร์ อีดิธ เทอร์เนอร์ เป็นต้น

การศึกษา ของเจนนี ฟาว์เรท์ ซาดา (Jeanne Favret-Saada) ในปี ค.ศ.1977 อธิบายว่าเวทมนต์ในชนบทของประเทศฝรั่งเศสมีพลังมาก การศึกษาของลูห์แมนน์(Luhrmann) อธิบายว่าความเชื่อเรื่องเวทมนต์ของชาวบ้านในอังกฤษถูกทำให้เป็นเรื่องเล่า ที่มีเหตุผล เพื่อทำให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนไม่งมงาย การอธิบายดังกล่าวเชื่อว่าความจริงเป็นเรื่องแต่ง แต่นักมานุษยวิทยาบางคนเชื่อว่า การค้นหาความจริงนั้นทำได้หลายวิธี และความรู้สึกต่อเหตุการณ์มีความสำคัญมากกว่าเรื่องทางวัตถุที่เห็น แนวคิดและการศึกษาทางมานุษยวิทยาเริ่มเปลี่ยนไป เช่นการศึกษาของวิงเคิลแมน(Winkelman) กล่าวว่าข้อสมมุติฐานในอดีตเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องเวทมนต์เป็นสิ่งที่ไม่ อาจเชื่อได้ เพราะเวทมนต์มิใช่เรื่องของการหาเหตุและผลเพื่อจะอธิบายว่า ความเชื่อแบบนี้ไม่งมงาย

การศึกษา เรื่องเกี่ยวกับเวทมนต์โดยหาข้อพิสูจน์เชิงรูปธรรมนั้นเป็นวิธีการแบบนัก วิทยาศาสตร์ที่พยายามพิสูจน์สิ่งต่างๆในห้องทดลอง การวิเคราะห์ทางจิตเป็นเพียงวิธีการที่ทำให้มนุษย์รู้ว่าจิตใจมีรูปร่างหน้า ตาอย่างไรโดยผ่านเครื่องมือคอมพิวเตอร์ และเส้นกราฟ รอดนีย์ ดูกัล(Rodney -Dougal) กล่าวว่าการอธิบายเรื่องเวทมนต์มีความสอดคล้องกัน ไม่ว่าจะอยู่ในยุคโบราณ หรือยุควิทยาศาสตร์ โดยพวกที่เชื่อว่าเวทมนต์เป็นเรื่องของวัตถุที่มนุษย์จะนำมาใช้ประโยชน์ กับพวกที่เชื่อว่าเวทมนต์พิสูจน์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ต่างค้นหาคำตอบในแบบเดียวกัน


เครดิต : http://www.yimwhan.com/board/show.php?user=Love-Dan23138&topic=9&Cate=25

ลงเองยังมึนเลยค่ะ
นักเรียนทุกคนจะอ่านจบไหมเนี่ย = = Razz
ขึ้นไปข้างบน Go down
beau
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
beau


โพสต์ : 80
แกลเลียน : 193
วันเกิด : 22/07/1992
สมัครสมาชิก : 12/07/2009
อายุ : 31
ที่อยู่ : บ้านสลิธีริน
อาชีพ : นักเรียนปี 1

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeSun Sep 27, 2009 8:48 pm

ตาลายเลย
เยอะจริงๆ
ขอบคุณมากนะคะ
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://beauza-2009.hi5.com
แม่มดน่ารัก ^ - ^
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
แม่มดน่ารัก ^ - ^


โพสต์ : 77
แกลเลียน : 161
วันเกิด : 23/08/1996
สมัครสมาชิก : 21/09/2009
อายุ : 27
ที่อยู่ : บ้านฮัฟเฟิลพัฟ
อาชีพ : นักเรียนปี 1

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeSun Sep 27, 2009 11:03 pm

อ่านกว่าจะจบ

ตาลายหมดแล้ว

มึนเลย dizzy

ตั้งใจอ่านกว่าจะจบ study
ขึ้นไปข้างบน Go down
????????
ผู้มาเยือน




Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeSun Sep 27, 2009 11:18 pm

ระเอียดยิบเลยอ่า...



ขอบคุนน๊า ~~~



happy happy happy happy
ขึ้นไปข้างบน Go down
????????
ผู้มาเยือน




Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeSun Sep 27, 2009 11:36 pm

ขอบคุณจ้า ((:
ขึ้นไปข้างบน Go down
ANoii
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ANoii


โพสต์ : 55
แกลเลียน : 250
วันเกิด : 15/07/1993
สมัครสมาชิก : 18/09/2009
อายุ : 30
ที่อยู่ : กริฟฟินดอร์
อาชีพ : นักเรียนปี 1

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeMon Sep 28, 2009 10:33 am

จำไม่ค่อยหวาย @_@

สมกับเป็นหนังสือ ในห้องสมุดจิงๆ
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://seefong.hi5.com
????????
ผู้มาเยือน




Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeMon Sep 28, 2009 5:44 pm

อุบอิบ ๆ มึนเลกน้อย พอประมาน อ่านข้าม ๆเป็นพิธี >"<
ขึ้นไปข้างบน Go down
????????
ผู้มาเยือน




Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeMon Sep 28, 2009 8:11 pm

มีความรู้สึกเหมือนหนังสือเรียน อ่านแล้วง่วง ~ =]
แต่ก็ขอบคุณมากๆเลยค่ะ
ขึ้นไปข้างบน Go down
yoyo
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
yoyo


โพสต์ : 31
แกลเลียน : 217
สมัครสมาชิก : 19/04/2009
ที่อยู่ : บ้านเรเวนคลอ
อาชีพ : นักเรียน

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: ตึง ๆ ๆ มีเรื่อง   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeMon Sep 28, 2009 9:18 pm

ตาลาย แต่ น่าจะจริง
ขึ้นไปข้างบน Go down
p_pop35
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
p_pop35


โพสต์ : 93
แกลเลียน : 259
วันเกิด : 24/08/1994
สมัครสมาชิก : 16/04/2009
อายุ : 29
ที่อยู่ : สลิธิริน
อาชีพ : นักเรียนปี 1

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeTue Sep 29, 2009 4:40 pm

ปวดตามากเลย

ขนาดใส่แว่นกรองแสงอ่านแล้วน๊ะเนี่ย

dizzy
ขึ้นไปข้างบน Go down
http://narumon24782.hi5.com
sakura_naki
ผู้วิเศษเตร็ดเตร่
ผู้วิเศษเตร็ดเตร่



โพสต์ : 15
แกลเลียน : 15
สมัครสมาชิก : 25/10/2009
ที่อยู่ : บ้านกริฟฟินดอร์
อาชีพ : นักเรียนปี1

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeSun Oct 25, 2009 4:26 pm

โหตาลายเลยเรา dizzy
ขึ้นไปข้างบน Go down
CHINCHA
ผู้วิเศษเตร็ดเตร่
ผู้วิเศษเตร็ดเตร่



โพสต์ : 3
แกลเลียน : 4
วันเกิด : 08/11/1993
สมัครสมาชิก : 23/09/2009
อายุ : 30
ที่อยู่ : Area : 20
อาชีพ : -

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Magic...   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeThu Oct 29, 2009 1:07 pm

ปวดตามากๆๆๆๆ
ลายตา
ขึ้นไปข้างบน Go down
bua
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
ผู้วิเศษเลือดสีโคลน
bua


โพสต์ : 38
แกลเลียน : 40
วันเกิด : 01/10/1990
สมัครสมาชิก : 14/11/2009
อายุ : 33
ที่อยู่ : บ้านกริฟฟินดอร์
อาชีพ : นักเรียนปี 1

Magic เวทมนต์ Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Magic เวทมนต์   Magic เวทมนต์ Icon_minitimeThu Nov 19, 2009 2:40 pm



โห....เยอะ จัง ตา ลาย

แต่ก้อ ขอบคุง
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Magic เวทมนต์
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» The Ministry of Magic กระทรวงเวทมนต์

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
WITCHES AND WIZARD SCHOOL :: ชั้นเรียนผู้วิเศษ :: ห้องสมุด-
ไปที่: